|||
TH

มะเร็งปากมดลูก: ภัยเงียบที่ผู้หญิงทุกคนต้องรู้

ภัยเงียบอันดับต้นๆ ของผู้หญิงไทย?

มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer) เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ในผู้หญิงไทย และเป็นหนึ่งในมะเร็งไม่กี่ชนิดที่สามารถป้องกันได้เกือบ 100% หากเข้าใจถึงสาเหตุและมีการคัดกรองที่สม่ำเสมอ

หัวใจสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูกคือ การติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ชนิดความเสี่ยงสูง

🔬 สาเหตุหลัก: ไวรัส HPV คืออะไร?

มะเร็งปากมดลูกเกือบทั้งหมด (มากกว่า 99%) มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง เช่น HPV-16 และ HPV-18

  • HPV คือ: ไวรัสที่ติดต่อผ่านทางการสัมผัสผิวหนังสู่ผิวหนัง ซึ่งมักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ (รวมถึงการสัมผัสทางปาก, ทวารหนัก และอวัยวะเพศ)
  • อาการ: ผู้ติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่มัก ไม่แสดงอาการ ทำให้ไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อและสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้
  • การดำเนินโรค: เมื่อร่างกายติดเชื้อ HPV ชนิดความเสี่ยงสูงเป็นเวลานาน (มักใช้เวลา 10-20 ปี) จะทำให้เซลล์บริเวณปากมดลูกค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ผิดปกติก่อนจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งในที่สุด

สัญญาณเตือนที่มักถูกมองข้าม

มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการแสดงใดๆ เลย นี่คือเหตุผลที่การตรวจคัดกรองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม หากโรคเริ่มลุกลาม อาจมีอาการดังต่อไปนี้:

  1. เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด: มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดออกระหว่างรอบเดือน รวมถึงการมีเลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน
  2. ตกขาวผิดปกติ: ตกขาวมีปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น หรืออาจมีเลือดปน
  3. อาการปวด: ปวดท้องน้อย หรือปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
  4. อาการอื่นๆ ในระยะลุกลาม: ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด (เมื่อมะเร็งลุกลามไปยังกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ใหญ่), อาการบวมที่ขา

🛡️ การป้องกันและการตรวจคัดกรองที่สำคัญ

มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ 2 วิธีหลัก: การป้องกันก่อนเกิดโรค (วัคซีน) และการตรวจคัดกรองเพื่อตรวจหาความผิดปกติแต่เนิ่นๆ

  1. การฉีดวัคซีนป้องกัน HPV (Primary Prevention)

    วัคซีน HPV เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก

    • กลุ่มเป้าหมาย: แนะนำให้ฉีดในเด็กหญิงและเด็กชายตั้งแต่อายุ 9-15 ปี และสามารถฉีดได้ในผู้หญิงอายุ 15-45 ปี เพื่อป้องกันสายพันธุ์ความเสี่ยงสูงที่ยังไม่เคยได้รับเชื้อ
    • ชนิดของวัคซีน: มีตั้งแต่ชนิด 2, 4, และ 9 สายพันธุ์ โดยชนิด 9 สายพันธุ์จะป้องกันครอบคลุมได้กว้างที่สุด
  2. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Secondary Prevention)

    การคัดกรองช่วยให้แพทย์ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกตั้งแต่ยังเป็นระยะก่อนมะเร็ง ซึ่งง่ายต่อการรักษาและมีโอกาสหายขาดสูง

    วิธีการคัดกรองคำอธิบายโดยย่อความถี่ที่แนะนำ
    Pap Smear (แปปสเมียร์)ตรวจหาเซลล์ปากมดลูกที่ผิดปกติ (Cytology)ทุก 1 ปี หรือ 3 ปี
    HPV DNA Testตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ HPV ชนิดความเสี่ยงสูงที่เป็นสาเหตุของมะเร็งโดยตรงทุก 5 ปี
    Co-testing (Pap + HPV Test)การตรวจทั้งสองวิธีร่วมกัน ถือเป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูงที่สุดทุก 5 ปี

    คำแนะนำ: ผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือมีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะฉีดวัคซีน HPV แล้วก็ตาม

ข้อสรุป

มะเร็งปากมดลูกเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรถูกมองข้าม เนื่องจากกว่า 80% ของผู้ป่วยมักไม่แสดงอาการ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรวมกันระหว่าง การฉีดวัคซีน HPV และ การตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปี/ทุก 3-5 ปี เพื่อตรวจจับความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ

อย่ารอให้มีอาการ รีบปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อความมั่นใจและปลอดภัยจากมะเร็งร้ายนี้

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลด้านสุขภาพเบื้องต้น ไม่สามารถใช้แทนการวินิจฉัยหรือคำแนะนำทางการแพทย์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้