|||
TH

เบาหวานคืออะไร? อาการ สาเหตุ และวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

โรคเบาหวาน เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพคนไทยกว่า 5 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี หลายคนอาจยังไม่รู้ตัวว่ากำลังมีความเสี่ยงหรือเป็นโรคนี้อยู่ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจโรคเบาหวาน พร้อมวิธีป้องกันและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

โรคเบาหวานคืออะไร?

โรคเบาหวาน คือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติเป็นเวลานาน เกิดจากตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอ หรือร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เซลล์ในร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โรคเบาหวาน มี 4 ชนิดหลัก:

  • เบาหวานชนิดที่ 1: เกิดจากภาวะที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เลย มักพบในเด็กและวัยรุ่น
  • เบาหวานชนิดที่ 2: เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ มักพบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
  • เบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ: เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม โรคของตับอ่อน ยาบางชนิด หรือ ความผิดปกติของฮอร์โมน
  • เบาหวานขณะตั้งครรภ์: พบได้ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะดื้ออินซูลินมากขึ้นขณะตั้งครรภ์

โดยทั่วไปแล้ว เบาหวานที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุนั้น เป็นเบาหวานชนิดที่ 2

อาการของโรคเบาหวานที่คุณควรรู้

อาการของโรคเบาหวานอาจไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่หากสังเกตดีๆ คุณจะพบสัญญาณเตือนเหล่านี้:

  • ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • กระหายน้ำบ่อย และดื่มน้ำในปริมาณมาก
  • หิวบ่อย กินจุบจิบ แต่น้ำหนักกลับลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
  • ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด
  • ชาตามปลายมือปลายเท้า หรือรู้สึกเจ็บแปลบ
  • แผลหายช้า หรือมีอาการคันตามผิวหนัง

หากคุณมีอาการเหล่านี้หลายข้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

สาเหตุหลักที่ทำให้เป็นโรคเบาหวาน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีดังนี้:

  • กรรมพันธุ์: หากคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน คุณจะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน: ไขมันส่วนเกินจะทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน
  • พฤติกรรมการบริโภคอาหาร: การทานอาหารรสหวาน มัน เค็ม และอาหารแปรรูปมากเกินไป
  • ขาดการออกกำลังกาย: การใช้ชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง
  • อายุ: ความเสี่ยงจะสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 45 ปีขึ้นไป

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคเบาหวาน

การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น โรคเบาหวาน แล้ว ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้:

  1. ควบคุมอาหาร: ลดปริมาณอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง หันมาทานผักผลไม้ (ที่ไม่หวานจัด) ธัญพืชไม่ขัดสี และเนื้อปลาให้มากขึ้น
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3-5 วัน
  3. ตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ: ใช้เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดตามคำแนะนำของแพทย์
  4. ดูแลสุขภาพเท้า: หมั่นสำรวจเท้าทุกวันเพื่อหาแผลหรือรอยแตกเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อ
  5. รับประทานยาตามแพทย์สั่ง: รับประทานยาเบาหวานหรือฉีดอินซูลินให้ตรงเวลาและครบถ้วน

สรุป

โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่สามารถควบคุมได้ หากคุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง และดูแลสุขภาพตัวเองอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต หรือตาบอด

อย่ารอให้สายเกินไป หากคุณหรือคนรอบข้างมีความเสี่ยงหรือไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและรับคำแนะนำที่ถูกต้อง